By clicking “Accept All Cookies”, you agree to the storing of cookies on your device to enhance site navigation, analyze site usage, and assist in our marketing efforts.
Cookies Settings
บ้านปู เพาเวอร์ฯ รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2561

บ้านปู เพาเวอร์ฯ รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2561

  • โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์นาริไอสึในญี่ปุ่นพร้อมดำเนินการเชิงพาณิชย์เดือนธันวาคมนี้ 
  • โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนามรับผลบวกระยะยาว จากอัตราการรับซื้อไฟที่ปรับเพิ่มขึ้น
  • โรงไฟฟ้าหงสามีประสิทธิภาพการเดินเครื่องจ่ายกระแสไฟฟ้าสูงอย่างต่อเนื่อง ด้วยอัตรากว่าร้อยละ 80 ช่วยสร้างผลกำไรที่มั่นคง 

บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP ผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากทั้งพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป (Conventional Power Generation) และพลังงานหมุนเวียน (Renewable Power Generation) ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3/2561 ว่า มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ที่ 1,249 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้า ขณะที่กำไรสุทธิคิดเป็น 940 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้า กำไรส่วนหลักเพิ่มขึ้นจากประสิทธิภาพในการเดินเครื่องของโรงไฟฟ้าหงสาที่สามารถรักษาระดับอัตราการจ่ายไฟ (Equivalent Availability Factor: EAF)  ได้สูงกว่าร้อยละ 80 มาโดยตลอด สะท้อนถึงการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ

นายสุธี สุขเรือน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า “บ้านปู เพาเวอร์ฯ เดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเรามีกำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุนของโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปและพลังงานหมุนเวียนที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date: COD) รวม 2,129 เมกะวัตต์เทียบเท่า เรามุ่งหน้าสู่เป้าหมายกำลังผลิต 4,300 เมกะวัตต์เทียบเท่า โดยมีพลังงานหมุนเวียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ภายในปี 2568 อย่างต่อเนื่อง สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนของเราเติบโตขึ้นจากการลงทุนในโครงการใหม่ๆ อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนอื่นๆ ที่จะทยอย COD จนครบภายในปี 2566 สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบ้านปู เพาเวอร์ฯ ในการสร้างความเติบโตตามกลยุทธ์ Greener”

ในไตรมาส 3/2561 บ้านปู เพาเวอร์ฯ รายงานรายได้รวม 1,206 ล้านบาท จากธุรกิจไฟฟ้าในสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมจำนวน 1,011 ล้านบาท และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 195 ล้านบาท ซึ่งลดลงร้อยละ 9 เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้า เนื่องจากปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าและไอน้ำที่ลดลงและราคาต้นทุนถ่านหินในจีนที่อยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ดีบริษัทฯ ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไร 1,076 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้า โดยส่วนหลักมาจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีจำนวน 297 ล้านบาท (รวมผลบวกจากภาษีเงินได้รอตัดบัญชี 95 ล้านบาท และผลขาดทุนจากการแปลงค่าเงินทางบัญชี 88 ล้านบาทแล้ว) ลดลงร้อยละ 24 เทียบกับปีที่ผ่านมา อันเป็นผลจากการปิดซ่อมบำรุงตามแผนของหน่วยผลิตที่ 1 ทั้งนี้การปิดซ่อมบำรุงตามแผนของหน่วยผลิตที่ 2 ยังคงเป็นไปตามแผนโดยจะเสร็จสิ้นภายในเดือนธันวาคม 2561 และโรงไฟฟ้าหงสาจำนวน 756 ล้านบาท (รวมผลขาดทุนจากการแปลงค่าเงินทางบัญชี 173 ล้านบาทแล้ว) เพิ่มขึ้นร้อยละ 27 เทียบกับปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งมาจากความสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องด้วยค่า EAF ร้อยละ 84 แม้จะมีการปิดซ่อมบำรุงตามแผน

ในช่วงระยะเวลา 9 เดือนที่ผ่านมา บ้านปู เพาเวอร์ฯ ดำเนินการ COD โรงไฟฟ้าเพิ่มเติมจำนวน 2 แห่ง ได้แก่ ส่วนขยายโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมหลวนหนาน (Luannan) ระยะ 2 ในจีน และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มุกะวะในญี่ปุ่น นอกจากนี้ในเดือนธันวาคม 2561โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์นาริไอสึจะ COD เพิ่มอีกหนึ่งแห่งตามแผน ทั้งนี้หากนับรวมทั้งหมด ปัจจุบันบริษัทฯ มีโรงไฟฟ้าและโครงการที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาจำนวน 28 แห่ง ในประเทศไทย สปป.ลาว จีน ญี่ปุ่น และเวียดนาม คิดเป็นกำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุนรวม 2,869 เมกะวัตต์เทียบเท่า ภายในปี 2566 โดยในจำนวนนี้แบ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปและพลังงานหมุนเวียนกำลังผลิตรวม 740 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทยอย COD จนครบภายในปี 2566 พร้อมสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนร้อยละ 10

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2561 รัฐบาลเวียดนามได้ประกาศอัตราการรับซื้อไฟจากพลังงานลมเพิ่มขึ้นจากเดิม 7.8 เซนต์ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมงเป็น 2 อัตรา ได้แก่ 8.5 เซนต์ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานลมแบบบนชายฝั่งทะเล (On-shore) และ 9.8 เซนต์ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานลมแบบนอกชายฝั่งทะเล (Off-shore) ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อผลตอบแทนของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมของบ้านปู เพาเวอร์ฯ ในระยะยาว

“บ้านปู เพาเวอร์ฯ ยังคงมุ่งมั่นแสวงหาโอกาสทางการลงทุนทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปและพลังงานหมุนเวียนในประเทศที่มีศักยภาพและประเทศที่เรามีธุรกิจอยู่ โดยเฉพาะเวียดนามที่เราได้ก้าวเข้าไปลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม และยังมีโอกาสสำหรับการลงทุนอื่นๆ เพิ่มเติมทั้งในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปและพลังงานแสงอาทิตย์ เมื่อประกอบกับสถานะการเงินที่แข็งแกร่งและอัตราหนี้สินต่อทุนที่อยู่ในระดับต่ำ จึงมั่นใจได้ว่าบริษัทฯ มีศักยภาพในการแข่งขันและสามารถพัฒนาโครงการได้อย่างราบรื่น เพื่อสร้างการเติบโตพร้อมผลตอบแทนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน” นายสุธี กล่าวปิดท้าย

# # #

เกี่ยวกับบ้านปู เพาเวอร์ฯ 
บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากทั้งพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป (Conventional Power Generation) และพลังงานหมุนเวียน (Renewable Power Generation) ในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ ประเทศไทย สปป.ลาว จีน ญี่ปุ่น และเวียดนาม ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา บ้านปู เพาเวอร์ฯ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาศักยภาพในการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อการผลิตไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่มีความปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และพร้อมที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำธุรกิจไฟฟ้าในระดับภูมิภาคอย่างยั่งยืน  สำหรับสถานะทางการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2561 มีสินทรัพย์รวมจำนวน 49,668 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,970 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2560

© 2024 Banpu Power Public Company Limited | บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน). All rights reserved.