นวัตกรรมในบริบทของบ้านปู เพาเวอร์ คือ การออกแบบและการเลือกใช้เทคโนโลยีประสิทธิภาพสูง สะอาด ที่เหมาะสมกับแต่ละโครงการ และการคิดริเริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงาเพื่อให้การปฏิบัติงานที่ดำเนินการอยู่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ด้วยการศึกษาเพื่อปรับปรุงกระบวนการ ซึ่งอาจรวมถึงการใช้เทคโนโลยีใหม่มาประยุกต์ใช้กับงานปัจจุบัน อาทิ เทคโนโลยีดิจิทัล เทคโนโลยีการซื้อขายไฟฟ้า และโรงไฟฟ้าเสมือน (Virtual Power Plant) เป็นต้น ซึ่งการพัฒนากระบวนการผลิตและนวัตกรรม จะเป็นกลไกสำคัญที่เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เติบโตได้อย่างยั่งยืนและมั่นคงภายใต้ภาวะที่อุตสาหกรรมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุค Disruptive Technology
บริษัทฯ ใช้แนวคิดการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานที่เป็นเลิศ (Operational Excellence) ร่วมกับนวัตกรรม (Innovation) เข้าด้วยกันโดยอาศัยการมีส่วนร่วมของพนักงานทุกระดับที่จะร่วมกันบ่งชี้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในการทำงาน ค้นหาสาเหตุของปัญหานั้นผ่านกระบวนการที่เป็นระบบ และดำเนินการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ด้วยเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพิ่มความน่าเชื่อถือของระบบ ลดต้นทุนการผลิต ความสูญเปล่าในกระบวนการผลิต การดำเนินงานเริ่มจากการจัดอบรมเพื่อให้พนักงานทุกคนมีความสามารถในการบ่งชี้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการทำงานที่ตนเองรับผิดชอบ โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานกลาง รวมถึงมีการจัดให้มีการแลกเปลี่ยนระหว่างหน่วยธุรกิจเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันและพนักงานมีโอกาสนำเสนอโครงการที่ตนเองคิดและนำไปปฏิบัติจนเกิดประโยชน์
บริษัทฯ ผลักดันนวัตกรรมผ่านการสร้างวัฒนธรรมองค์กร โดยค่านิยม ‘ Innovative’ เป็นหนึ่งในสามค่านิยมหลัก มีกิจกรรมการส่งเสริมนวัตกรรมผ่านทางกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้พนักงานทุกคนเข้าใจถึงความสำคัญของการนำนวัตกรรมมาใช้ บริษัทฯ การสร้างระบบในการเสนอแนวความคิดที่เรียกว่า Wow Idea และ Innovation เพื่อให้พนักงานนำเสนอแนวความคิดและนวัตกรรม เพื่อนำไปสู่การนำไปปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง
บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานไปสู่ยุคดิจิทัล (Digital transformation) ด้วยความตระหนักถึงการดำเนินงานในอนาคตที่เทคโนโลยีดิจิทัลจะมีบทบาทสำคัญในการสร้างความสามารถในการแข่งขัน โดยไม่เพียงแต่การปรับเปลี่ยนอุปกรณ์หรือการพัฒนาแอปพลิเคชันเท่านั้น แต่รวมถึงการสร้างทักษะด้านดิจิทัลและปรับเปลี่ยนแนวความคิดในการทำงานของพนักงานใหม่เพื่อให้เกิดความคล่องตัว มีทักษะและความเชี่ยวชาญ สามารถตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงหรือความต้องการใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งสามารถประสานความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Agility)
เนื่องจากเทคโนโลยีดิจิทัลได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและการทำงานของมนุษย์เราอย่างมากมาย ดังนั้นการขับเคลื่อนองค์กรสู่ยุคดิจิทัลจึงถือเป็นวาระสำคัญของกลุ่มบ้านปูและบ้านปู เพาเวอร์ ในฐานะเป็นหนึ่งในปัจจัยความสำเร็จที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ Greener & Smarter
เพื่อสะท้อนความก้าวหน้าเส้นทางการขับเคลื่อนองค์กรสู่ยุคดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ของกลุ่มบ้านปู ที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2561เป็นต้นมา กลุ่มบ้านปูได้ทำการประเมินระบบดิจิทัล ระบบอัตโนมัติ และระดับการวิเคราะห์หรือการประมวลผลในระดับกลุ่มของบริษัท รวมถึงการเชื่อมต่อเครื่องจักรและระบบอุตสาหกรรมเข้ากับอินเทอร์เน็ตเพื่อที่จะนำเอาข้อมูลมาเฝ้าดู ประมวลผล และวิเคราะห์เพื่อที่จะเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตและลดค่าใช้จ่าย (industrial-internet-of-things หรือ IIoT) โดยได้ดำเนินการประเมินแนวปฏิบัติด้านการบริหารจัดการ จำนวน 4 ด้าน ประกอบด้วย
- กลยุทธ์
- วัฒนธรรมองค์กร
- โครงสร้างและกระบวนการภายในที่เหมาะสม
- ทักษะทางด้านดิจิทัลและความสามารถทางด้านเทคโนโลยี
การประเมินแนวทางปฏิบัติด้านการบริหารจัดการนั้น บริษัทฯ นำเครื่องมือวินิจฉัยตนเองที่ออกแบบและพัฒนาโดยหนึ่งในบริษัทที่ปรึกษาด้านดิจิทัลชั้นนำระดับโลกมาใช้ดำเนินการ ซึ่งช่วยให้บริษัทฯ ค้นพบโอกาสทางด้านดิจิทัลและสามารถระบุช่องว่างระหว่างความสามารถในปัจจุบันกับเป้าหมายสุดท้ายในการเป็นองค์กรชั้นนำที่ขับเคลื่อนด้วยดิจิทัล ซึ่งวิธีการดังกล่าวได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นที่ยอมรับจากบริษัทกว่า 550 แห่งในหลากหลายอุตสาหกรรมทั่วโลกที่ใช้เครื่องมือนี้สำหรับประเมินแนวทางปฏิบัติด้านการบริหารจัดการขององค์กร นอกจากนี้บริษัทพลังงาน บริษัทก๊าซ และเหมืองแร่มากกว่า 80 แห่งถูกนำมาใช้ในการทดสอบเปรียบเทียบโดยเครื่องมือดังกล่าว
สำหรับในระดับหน่วยการผลิตของบ้านปู เพาเวอร์นั้น โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมเจิ้งติ้งได้กลายเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมแห่งแรกของจีนที่ได้รับการประเมินโดยใช้ดัชนี ความพร้อมทางด้านอุตสาหกรรมอัจฉริยะ (Smart Industry Readiness Index: SIRI) ซึ่งพัฒนาและริเริ่มโดยคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจสิงคโปร์ (Singapore Economic Development Board: EDB) ร่วมกับเครือข่ายบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ บริษัทที่ปรึกษา และผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมและวิชาการ ทั้งนี้ดัชนี SIRI ประกอบด้วยชุดโครงสร้างและเครื่องมือที่จะช่วยผู้ผลิต (โดยไม่คำนึงถึงขนาดและประเภทของอุตสาหกรรม) ในการเริ่มต้น ปรับขนาด และรักษาเส้นทางการเปลี่ยนแปลงสู่อุตสาหกรรมการผลิต 4.0 ได้ ทั้งนี้โรงไฟฟ้าเจิ้งติ้งมีประเด็นที่ต้องปรับปรุงเพียง 4 มิติจาก 16 มิติ ของดัชนี SIRI ซึ่งช่วยระบุลำดับความสำคัญในการพัฒนาการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าเจิ้งติ้งในปัจจุบัน
เร่งเครื่องการขับเคลื่อนสู่ระบบดิจิทัลด้วยการใช้ Low-Code Platform:
แอปพลิเคชันที่ออกแบบโดยผู้ใช้ด้วยการใช้ Low-Code Platform เช่น Microsoft PowerApps และ Microsoft Power BI นั้น เป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มกระบวนการทางธุรกิจให้เข้าสู่ระบบดิจิทัลทั่วทั้งกลุ่มบ้านปู โดยแอปพลิเคชันเหล่านี้ให้ข้อมูลที่มีโครงสร้างสำหรับการวิเคราะห์ การแสดงภาพ และการสนับสนุนการตัดสินใจเพิ่มเติม ซึ่งก่อนหน้านี้แอปพลิเคชันต่างๆ ไม่สามารถดำเนินการได้หรือไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ
กระบวนการอัตโนมัติของหุ่นยนต์ และเครือข่าย IIoT ซึ่งเชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มข้อมูลบนระบบคลาวด์และเครื่องมือการแสดงภาพ ช่วยให้บริษัทฯ สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพและความถูกต้องความแม่นยำในการรวบรวม วิเคราะห์ และรายงานข้อมูลด้าน ESG ได้อย่างมหาศาล ตั้งแต่พนักงานระดับปฏิบัติการณ์ที่อยู่หน้างานไปจนถึงผู้มีส่วนได้เสีย โดยแอปพลิเคชันที่บ้านปู เพาเวอร์ ใช้ในการดำเนินงานในกรณีต่างๆ อาทิ
- Blink: แอปพลิเคชันสำหรับรวบรวมข้อมูลและรายงานความยั่งยืน
- IRIS: แอปพลิเคชันสำหรับข้อมูลการตลาดของห่วงโซ่อุปทานถ่านหิน
- ENIGMA: แอปพลิเคชันสำหรับแดชบอร์ดการตรวจสอบสินทรัพย์ของบ้านปู เพาเวอร์ ที่มุ่งเน้นไปที่สินทรัพย์การผลิตพลังงานหมุนเวียน
การปรับองค์กรสู่ยุคดิจิทัลทำให้เกิดสตูดิโอดิจิทัลที่คล่องตัวภายในองค์กร
ความสำคัญของดิจิทัลและการเปลี่ยนผ่านสู่สภาพแวดล้อมการทำงานที่ใช้เทคโนโลยีเป็นหลักนั้น มีอยู่ในทุกมุมโลก ดังนั้นการดึงดูดและรักษาบุคลากรที่มีความสามารถอันเหมาะสมยังคงเป็นความท้าทายที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในทุกธุรกิจ ดังนั้นการเพิ่มทักษะและการสร้างทักษะใหม่ให้กับพนักงานที่มีอยู่ ซึ่งเป็นผู้ที่เข้าใจวัฒนธรรมองค์กรอย่างลึกซึ้งและมีประสบการณ์ตรงในกระบวนการทางธุรกิจตามหน้าที่และสายงาน จึงถือเป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนผ่านไปสู่สถานที่ทำงานแห่งอนาคต
โรงไฟฟ้าเอชพีซี ใน สปป. ลาวประสบความสำเร็จในการดำเนินโครงการปรับปรุงหม้อไอน้ำระยะที่ 1 ที่มุ่งเน้นการกำหนดค่าใหม่และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกจากเซ็นเซอร์เสียงที่มีอยู่ กระบวนการทั้งหมดนี้ซึ่งเริ่มตั้งแต่การวินิจฉัยจนถึงการจัดลำดับความสำคัญ การวางแผนเวิร์คสตรีมและการลงมือปฏิบัตินั้น ดำเนินการโดยทีมงานภายในโรงไฟฟ้าที่มีความกระตือรือร้น โดยถือเป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ นอกจากนี้ในระยะที่ 2 นี้ จะเริ่มใช้ระบบดิจิทัลในการพยากรณ์การทำงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่สำคัญในโรงไฟฟ้ารวมถึงวางรากฐานการดำเนินงานในหน่วยการผลิตที่มีลักษณะการทำงานแบบเดียวกัน
อนาคต
ในปีต่อๆ ไป เส้นทางการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ การใช้เทคโนโลยีที่สะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจะยังคงเป็นแกนหลักในการดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจของการดำเนินงานของบริษัทฯ โดยดำเนินกลยุทธ์ Greener & Smarter ตั้งแต่ในปี 2558 และการดำเนินโครงการ Digital Transformation ในปี 2561 เป็นต้นมา ส่งผลให้กลุ่มบ้านปู มุ่งเน้นและพยายามขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในการลดคาร์บอนจากเชื้อเพลิงฟอสซิลในห่วงโซ่คุณค่าด้านพลังงานของกลุ่มบริษัท ตลอดจนปรับปรุงด้านความปลอดภัยในการดำเนินงานของหน่วยธุรกิจทั้งหมดของบริษัทฯ รวมถึงชุมชนโดยรอบ ซึ่งเครือข่ายของ ศูนย์พัฒนาศักยภาพด้านดิจิทัล (Digital Capability Center หรือ DCC) ที่กรุงปักกิ่งและโรงไฟฟ้าหลวนหนาน ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางทางด้านนวัตกรรมและการมีส่วนร่วมในระบบนิเวศของบริษัทฯ เพื่อสานต่อการเดินทางสู่องค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยดิจิทัลที่ในอนาคต
บ้านปู เพาเวอร์ จะยังคงดำเนินโครงการพัฒนาทักษะใหม่ๆ ต่อไป ผ่าน Banpu Digital Academy (BDA) ปรับปรุงวิธีการทำงานร่วมกันของพนักงานในสภาพแวดล้อมการทำงานในยุคดิจิทัล ผ่านการปรับปรุงการออกแบบประสบการณ์ของผู้ใช้/ส่วนต่อประสานกับผู้ใช้ (user experience/user interface: UX/UI) อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งแสวงหาโอกาสการเติบโตใหม่ด้วยการประยุกต์ใช้ผลการดำเนินงานด้านดิจิทัลของบริษัทฯ ให้สามารถนำไปใช้งานกลุ่มอุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้ เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์เชิงพาณิชย์จากผลงานด้านดิจิทัลของบริษัทฯ
ตัวอย่างหลักสูตรของ BDA: Scrum 101, การคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking), ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity), การคิดเชิงออกแบบและนวัตกรรมเพื่อธุรกิจ (Design Thinking and Innovation for Business) หลักการสร้างสตาร์ทอัพยุคใหม่ (New Lean Startup Principle) การจัดการผลิตภัณฑ์ขั้นพื้นฐาน (Product Management Fundamental) และ บทนำสู่การวิเคราะห์ธุรกิจ (Introduction to Business Analytics)