ความปลอดภัยในการทำงานเป็นเป้าหมายสูงสุดของการดำเนินงาน เนื่องจากการดำเนินงานที่ไม่ปลอดภัยอาจก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงอาจส่งผลต่อสภาพแวดล้อมและสุขภาพของพนักงาน ดังนั้นการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยเพื่อป้องกันอุบัติเหตุในเชิงรุกจึงเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการอย่างสม่ำเสมอและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ สร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัย กำหนดมาตรการป้องกันที่ชัดเจน ตรวจสอบผลการดำเนินงาน ส่งเสริมความรู้ สร้างความตระหนักและการมีส่วนร่วมจากพนักงานและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน
สภาพแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัยถือเป็นสิทธิมนุษยชนที่พนักงาน ผู้รับเหมา และผู้ที่เข้ามาในพื้นที่ทำ งานพึงจะได้รับอย่างเพียงพอและเท่าเทียมกัน อีกทั้งการส่งเสริมการมีส่วนร่วมให้พนักงานได้นำ เสนอข้อคิดเห็นในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำงานจะเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมสร้างขวัญกำลังใจและความผูกพันต่อองค์กรอีกด้วย
บริษัทฯ มุ่งสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในองค์กรโดยกำหนดเป้าหมาย 3 ประการ ( 3 ZEROs) ได้แก่
ในการดำเนินงานเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมาย บริษัทฯ มีแนวทางการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย ดังนี้
บริษัทฯ จัดให้มีกิจกรรมส่งเสริมด้านความปลอดภัยในการทำงาน เช่น
- ตรวจวัดสภาพแวดล้อมการทำงานให้มีความปลอดภัย
- ฝึกอบรมและทดสอบเกี่ยวกับความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม กฎความปลอดภัยและความเสี่ยงในพื้นที่ก่อนเข้าปฏิบัติงานและทบทวนตามระยะเวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัด
- ส่งเสริมความปลอดภัยและตรวจสอบสถานที่ปฏิบัติงานโดยผู้บริหารบริหารระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ
- ตรวจสอบด้านความปลอดภัยโดยพนักงาน หัวหน้างาน และเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในระหว่างปฏิบัติงาน
- จัดตั้งคณะกรรมการปรับปรุงด้านความปลอดภัยในสำนักงานและโรงไฟฟ้า
- สื่อสารเพื่อให้เกิดความตระหนักด้านความปลอดภัยผ่านทางกิจกรรมต่าง ๆ เช่น อีเมลประชาสัมพันธ์ เกมส์ โปสเตอร์ เป็นต้น
- ฝึกซ้อมแผนฉุกเฉินโดยจำลองสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ
- สร้างแรงจูงใจเพื่อทำให้เกิดการทำงานที่มีความปลอดภัย เช่น รางวัลพิเศษแก่ผู้รับเหมาที่มีการปฏิบัติด้านความปลอดภัยดีเด่น และการฉลองความสำเร็จร่วมกัน
บริษัทฯ จัดให้มีการส่งเสริมสุขภาพของพนักงาน เช่น
- ตรวจสอบสุขภาพพนักงานตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 อย่างเคร่งครัด จัดทำประกันสุขภาพเพื่อการรักษาและประสานงานในการจัดหาวัคซีนให้กับพนักงาน
- ตรวจสุขภาพพนักงานประจำปี และตรวจวัดสมรรถภาพร่างกายตามความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากลักษณะการทำงาน
- ตรวจวัดสภาพแวดล้อมการทำงานทั้งในสำนักงานและหน่วยการผลิต และปรับปรุงให้อยู่ในมาตรฐานอย่างสม่ำเสมอ
- ส่งเสริมการออกกำลังกายและการรักษาสุขภาพ เช่น การจัดตั้งชมรมกีฬา การให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รวมถึงจัดให้มีเทรนเนอร์ด้านการออกกำลังกายเป็นรายบุคคลสำหรับพนักงานที่สนใจ
- โครงการที่ปรึกษาด้านจิตวิทยา iSTRONG เพื่อให้พนักงานสามารถปรึกษาด้านจิตวิทยาเพื่อลดความเครียดทั้งด้านชีวิตส่วนตัวและการทำงาน โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกเก็บเป็นความลับโดยผู้ให้บริการด้านจิตวิทยาภายนอก
- โครงการพบแพทย์ด้วยระบบออนไลน์ ที่ได้เริ่มนำมาใช้ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 จนถึงปัจจุบัน โดยพนักงานสามารถนัดและตรวจกับแพทย์เบื้องต้นทางออนไลน์จากนั้นแพทย์จะสั่งจ่ายยาแล้วส่งให้กับพนักงานอย่างรวดเร็ว
- โครงการ Flexible Benefit สนับสนุนงบประมาณปีละ 12,000 บาท ให้กับพนักงานเพื่อใช้ประโยชน์ต่างๆ รวมถึงเพื่อสุขภาพ เช่น ค่าใช้จ่ายในการตรวจรักษาเพิ่มเติม ค่าสมาชิกสปอร์ตคลับและอุปกรณ์เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานอย่างถูกหลักการยศาสตร์จากการทำงานที่บ้าน เป็นต้น
โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมเจิ้งติ้ง ตั้งอยู่ในเมืองฉือเจียจวง เขตเจิ้งติ้ง มณฑลเหอเป่ สาธารณรัฐประชาชนจีน มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 139 เมกะวัตต์ ผลิตความร้อนราวปีละ 10 ล้านจิกะจูลให้กับผู้ใช้ในเขตเจิ้งติ้ง ซึ่งมีผู้อยู่อาศัยราว 58,000 ราย และภาคอุตสาหกรรม การค้าและอื่น ๆ มากกว่า 180 ราย โดยเป็นโรงไฟฟ้าโรงเดียวที่ผลิตความร้อนเข้าสู่ระบบทำความร้อนแบบรวมศูนย์ (Centralized heating system) ในพื้นที่ ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อประชาชนในช่วงฤดูหนาวที่มีอุณหภูมิกลางแจ้งเฉลี่ยราว 0.3 องศาเซลเซียส
โรงไฟฟ้าเจิ้งติ้ง ได้ดำเนินการเพื่อสร้างเสถียรภาพในการส่งความร้อนและปรับปรุงด้านความปลอดภัย โดยการติดตั้งอุปกรณ์และสร้างระบบตรวจสอบแบบเรียลไทม์จากระยะไกลที่ใช้กับสถานีแลกเปลี่ยนความร้อน เพื่อแทนที่การเข้าไปตรวจสอบในพื้นที่โดยพนักงาน ลดความเสี่ยงและเวลาในการปฏิบัติงานจากการเข้าไปในพื้นที่สถานีแลกเปลี่ยนความร้อน อีกทั้งยังทำให้ตรวจสอบความผิดปกติได้อย่างรวดเร็วทำให้สามารถแก้ไขได้ทันที เพิ่มเสถียรภาพในการจ่ายความร้อนของโรงไฟฟ้า
การติดตั้งอุปกรณ์การตรวจสอบและควบคุมความร้อนอัจฉริยะได้แก่ ดังนี้
- การตรวจสอบด้วยกล้องวิดีโอจากระยะไกล
- ควบคุมและปรับความถี่การหมุนเวียนของเครื่องสูบน้ำจากระยะไกล
- ควบคุมและปรับอัตราการไหลของไอน้ำและน้ำร้อนจากระยะไกลในสถานีแลกเปลี่ยนความร้อน
- ระบบเก็บข้อมูลเกี่ยวกับความดันและอุณหภูมิจากอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบ เช่น เครื่องสูบน้ำ วาล์วปรับความดัน ถังเก็บน้ำ เป็นต้น
จากการดำเนินโครงการ ทำให้โรงไฟฟ้าเจิ้งติ้งสามารถลดจำนวนพนักงานที่เข้าไปตรวจสอบสถานีแลกเปลี่ยนความร้อนจาก 200 คน เหลือเพียง 40 คน ลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของพนักงานจากการต้องสัมผัสกับเสียงและความร้อน และสามารถลดค่าใช้จ่ายจากการใช้ไฟฟ้าได้ราว 18.4% หรือ 864,000 หยวน/ ปี โดยเมื่อประเมินผลโครงการด้านความปลอดภัยด้วยเครื่องมือวัดผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุน (Social Return on Investment: SROI) แล้ว โครงการนี้สร้างมูลค่าราว 5.67 ล้านหยวน
นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าเจิ้งติ้งยังยกระดับอุปกรณ์ทำความร้อนให้สามารถผลิตความร้อนได้ตามการขยายตัวของประชากรในเขตเจิ้งติ้ง ตลอดจนปรับปรุงการตรวจสอบอุปกรณ์ จัดทำและซ้อมแผนฉุกเฉิน รวมถึงได้รับการรับรองระบบมาตรฐานระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย (ISO 45001) อย่างต่อเนื่อง ทำให้โรงไฟฟ้าดำเนินงานอย่างมีเสถียรภาพและความปลอดภัย ไม่มีอุบัติเหตุจากการทำงาน สามารถรักษาค่าดัชนีความพร้อมจ่ายได้ในระดับสูงคือ ร้อยละ 94.04 และได้รับรางวัล Advanced Unit of Central Heating จากภาครัฐ
โดยปกติโรงไฟฟ้าจะต้องมีการวางแผนซ่อมบำรุงเพื่อให้เครื่องจักรสามารถดำเนินการผลิตได้อย่างต่อเนื่อง โดยฝ่ายซ่อมบำรุงจะดำเนินการโดยต้องจัดทำเอกสารระบุรายละเอียดในการทำงาน บุคคลที่เข้าทำงานในพื้นที่ ระยะเวลาในการดำเนินงาน และการประเมินความเสี่ยงเพื่อให้ฝ่ายผลิตพิจารณาและตัดระบบการทำงานบางส่วนเพื่อการดำเนินงานที่ปลอดภัยของฝ่ายซ่อมบำรุง โดยเอกสารดังกล่าวมีเป็นจำนวนมาก ต้องมีการส่งไปยังแผนกต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบ เช่นฝ่ายผลิต และฝ่ายความปลอดภัย เป็นต้น ทำให้มีการสูญหายในระหว่างการดำเนินงาน และต้องใช้งานร่วมกันหลายฝ่าย ทำให้ไม่มีความสะดวก และยากในการเข้าถึงข้อมูลความเสี่ยงในการทำงานซ่อมแต่ละครั้ง หรือหากเอกสารสูญหายจะทำให้ไม่สามารถตรวจสอบย้อน
โรงไฟฟ้าหลวนหนานจึงได้พัฒนาแอปพลิเคชัน Double Control ขึ้น เพื่อใช้ทดแทนการดำเนินงานด้านเอกสารทั้งหมดในรูปแบบดิจิทัล ทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถดำเนินการสร้างเอกสารเพื่อขออนุมัติ ให้การอนุมัติ ตรวจสอบข้อมูลพร้อมกัน และป้องกันเอกสารสูญหาย ทำให้การดำเนินงานซ่อมเป็นไปด้วยความราบรื่น มีความปลอดภัยในการทำงาน โดยสามารถประหยัดเวลาได้ราวร้อยละ 50 โดยเมื่อมีการประเมินผลโครงการด้านความปลอดภัยด้วยเครื่องมือวัดผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุน (Social Return on Investment: SROI)แล้ว คิดเป็นมูลค่าราว 104,800 หยวน โดยประเมินมูลค่าจากการประหยัดเวลา การเพิ่มความรู้ให้กับพนักงาน เก็บเอกสารเพื่อการตรวจสอบย้อนหลังตามกฎหมาย และความปลอดภัยที่เกิดขึ้นจากการใช้แอปพลิเคชัน โดยยังไม่รวมมูลค่าจากการขยายผลไปยังโรงไฟฟ้าอื่น ๆ ของบริษัท
ในปีที่ผ่านมาโรงไฟฟ้าหลวนหนานไม่มีอุบัติเหตุรายแรงในการทำงาน ได้รับการรับรองมาตรฐานระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย (ISO 45001) อย่างต่อเนื่อง และได้รับการคัดเลือกให้เป็นสถานประกอบการที่มีการจัดการด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยดีเด่น (Occupational Health Enterprises) และรางวัลด้านการจัดการด้านแรงงานดีเด่น (Prefectural workers’ vanguard) จากภาครัฐ
เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นในระหว่างการขนถ่ายถ่านหินออกจากเรือบรรทุกถ่านหิน โรงไฟฟ้าบีแอลซีพีได้นำระบบปัญญาประดิษฐ์ในการวิเคราะห์ภาพ (AI Vision) มาใช้ในการตรวจจับและแจ้งเตือนระหว่างการปฏิบัติงานของผู้รับเหมาและพนักงาน ซึ่งปฏิบัติงานในพื้นที่เรือและบนรถรถดันถ่านหิน (Bulldozer) ซึ่งมีทัศนวิสัยและสิ่งแวดล้อมที่จำกัด เช่น ระยะการมองเห็น การได้ยินเสียง เป็นต้น โดยการใช้ AI Vision จะช่วยในการบ่งชี้ลักษณะของคน เครื่องจักร และระยะห่างในการปฏิบัติงานที่ปลอดภัย และแจ้งเตือนไปยังผู้ปฏิบัติงานทันทีเมื่อระยะห่างระหว่างผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่และเครื่องจักรอยู่ในระยะที่ใกล้กว่าระยะที่มีความปลอดภัย ทำสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุในการทำงานได้อย่างเป็นรูปธรรม
หน่วยงานอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ริเริ่มและผลักดันแนวคิดการสร้างวัฒนธรรมด้านความปลอดภัย ซึ่งส่งผลดีต่อการดำเนินงานด้านความปลอดภัยของพนักงาน โดยระดับวัฒนธรรมความปลอดภัยที่สูงขึ้น จะช่วยลดการกระทำที่ไม่ปลอดภัยที่เป็นสาเหตุหลักของอุบัติเหตุได้ ยิ่งไปกว่านั้น วัฒนธรรมความปลอดภัยที่เข้มแข็งจะช่วยให้พนักงานของบริษัทมีความปลอดภัยมากขึ้น มีผลการดำเนินงานด้านความปลอดภัยในระดับที่ดี สามารถลดอุบัติเหตุ และจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
บริษัทได้นำวัฒนธรรมด้านความปลอดภัยนี้ไปประยุกต์ใช้ที่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เฮ่าหยวน (Haoyuan) ซิงหยู (Xingyu) และ จีซิน (Jixin) รวมพื้นที่ 7 แห่ง เริ่มต้นจากผู้บริหารสูงสุดของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ได้ถ่ายทอดและส่งเสริมวัฒนธรรมด้านความปลอดภัยด้วยตนเอง ผ่านการมีส่วนร่วมในการเยี่ยมชมพื้นที่ปฏิบัติงานทำการตรวจสอบความปลอดภัย สื่อสารข้อมูลด้านความปลอดภัย และแสดงความมุ่งมั่นต่อการดำเนินงานด้านความปลอดภัย นอกจากนี้ ยังมีการจัดประชุมด้านความปลอดภัยเป็นประจำทุกเดือน ควบคู่กับการฝึกอบรมด้านความปลอดภัย มีการจัดทำเอกสารด้านความปลอดภัย และสื่อสารให้พนักงานทราบ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานด้านความปลอดภัยของบริษัทฯ ดีขึ้น จำนวนอุบัติการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีลดลงอย่างชัดเจน
ตั้งแต่ปี 2561 บริษัทฯ ได้ทำการประเมินระดับความเป็นเลิศด้านวัฒนธรรมความปลอดภัยมาอย่างต่อเนื่อง โดยใช้แบบสำรวจตามโมเดล the United Kingdom Health and Safety Executive (UK HSE) Safety Culture Maturity โดยโมเดลมีการแบ่งระดับของวัฒนธรรมความปลอดภัยเป็น 5 ระดับ ได้แก่
แผนการดำเนินงานจะถูกจัดทำขึ้นหลังจากทราบผลแบบสำรวจเพื่อปรับปรุงวัฒนธรรมความปลอดภัย เช่น การมีส่วนร่วมมากขึ้นของผู้บริหารจากการจัดทำขั้นตอนการทำงานฉบับใหม่ การจัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่เหมาะสม และการฝึกอบรม ปี 2566 โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมหลวนหนานและโจวผิงได้ทำ การประเมินระดับความเป็นเลิศด้านวัฒนธรรมความปลอดภัยอีกครั้งหลังจากการประเมินครั้งล่าสุดในปี 2562 และดำเนินการประเมินที่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เต๋อหยวนเป็นครั้งแรกผลของการประเมินโรงไฟฟ้าหลวนหนานและโรงไฟฟ้าโจวผิงอยู่ที่ระดับ Co-operating โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อยู่ที่ระดับ Involving และพบกิจกรรมที่สามารถปรับปรุงได้ 5 กิจกรรม ดังนี้
1. การทำงานตามความเสี่ยง เช่น การทำงานในที่อับอากาศจึงได้จัดให้มีการอบรมปรับปรุงอุปกรณ์ตรวจการรั่วไหลของแก๊สจัดให้มีอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่ถูกต้อง รวมไปถึงการซ้อมแผนฉุกเฉิน
2. การทำงานบนที่สูง จัดให้มีการอบรมตามกฎหมาย จัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่เหมาะสม รวมไปถึงการจัดหลักสูตรอบรมที่เกี่ยวข้องให้กับพนักงานและผู้รับเหมาได้ครบตามเป้าหมายตามแผนร้อยละ 100 ดังนี้
3. การปรับปรุงพื้นที่ทำงานให้สะอาดและปลอดภัย รวมถึงมาตรการลดความเสี่ยงต่ออันตราย เช่น การแสดงป้ายเตือนอย่างเหมาะสมการแก้ไขและซ่อมแซมอุปกรณ์ที่เสียหาย
4. การเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่เหมาะสมสำหรับการทำงานบนที่สูงและการทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้า
5. การปรับปรุงขั้นตอนการทำงานด้านการบริหารจัดการผู้รับเหมาการจัดทำแผนอบรมตามตำแหน่งหน้าที่ การปรับปรุงวิธีการปฏิบัติสำหรับงานเฉพาะ เช่น การทำงานเกี่ยวกับความร้อนที่โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมหลวนหนาน
การประเมินระดับความเป็นเลิศด้านวัฒนธรรมความปลอดภัยเพื่อหาโอกาสในการปรับปรุงด้านความปลอดภัย มีส่วนช่วยในการเพิ่มความสามารถและความตระหนักด้านความปลอดภัยของพนักงานและผู้รับเหมา ช่วยลดพฤติกรรมที่ไม่ปลอดภัยในการทำงานได้อย่างมีนัยสำคัญ