บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP ผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าคุณภาพเพื่อโลกที่ยั่งยืน ด้วยสมดุลของพอร์ตธุรกิจจากทั้งพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป (Thermal Power Business) และพลังงานหมุนเวียน (Renewable Power Business) ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายผ่านบริษัท BRE Singapore Pte. Ltd (BRES) เพื่อลงทุนในบริษัท Ha Tinh Solar Power Joint Stock Company ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ฮาติ๋ญ ขนาดกำลังผลิต 50 เมกะวัตต์ ในจังหวัดฮาติ๋ญ ประเทศเวียดนาม มูลค่าการลงทุน 23.9 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 788 ล้านบาท  โดยมีสัดส่วนการลงทุนจาก BPP และบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ในสัดส่วนที่เท่ากันคือร้อยละ 50 ซึ่งคิดเป็นเงินลงทุนส่วนของ BPP 11.95 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 394 ล้านบาท ส่งผลให้ BPP มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุน 25 เมกะวัตต์ นับเป็นการขยายพอร์ตพลังงานหมุนเวียนผ่านการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนามเป็นครั้งแรก ทั้งนี้ การลงทุนดังกล่าวอยู่ในระหว่างการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องในสัญญา และรอการได้รับอนุมัติจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง โดยคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาสที่ 1/2565

นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การลงทุนของ BPP  ในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ฮาติ๋ญ ในเวียดนาม ถือเป็นการต่อยอดการเติบโตของพอร์ตพลังงานหมุนเวียนของ BPP ตามกลยุทธ์ Greener & Smarter โดยเป็นครั้งแรกที่เราลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนาม ซึ่งนอกจากจะเป็นประเทศยุทธศาสตร์ที่เราดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานลมอยู่แล้ว ยังมีความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าที่สูงและมีนโยบายสนับสนุนด้านพลังงานหมุนเวียนที่ชัดเจนจากภาครัฐอีกด้วย ขณะเดียวกัน โรงไฟฟ้าแห่งนี้ยังเป็นไปตามทิศทางการลงทุนของบริษัทฯ รวมทั้งมีข้อดีหลายประการ เช่น เป็นสินทรัพย์ที่เริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว (Operating Asset) ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2562 มีราคารับซื้อไฟฟ้า (FIT) ที่ 9.35 เซนต์สหรัฐ ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นอัตราที่ดี รวมทั้งมีการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบสายส่งให้แก่การไฟฟ้าเวียดนาม (Vietnam Electricity: EVN) ตามสัญญาการซื้อขายไฟฟ้า (PPA) เป็นระยะเวลา 20 ปี”

โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ฮาติ๋ญ ตั้งอยู่ในจังหวัดฮาติ๋ญ ประเทศเวียดนาม เป็นจังหวัดบริเวณชายฝั่งตอนกลางค่อนไปทางเหนือของเวียดนาม เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีขนาดใหญ่ในพื้นที่นี้ มีกำลังผลิต 50 เมกะวัตต์ โดยเป็นกำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุนของ BPP 25 เมกะวัตต์ การลงทุนดังกล่าวอยู่ในระหว่างการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องในสัญญา และการรอได้รับอนุมัติจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาสที่ 1/2565

นอกจากความสำเร็จในการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ฮาติ๋ญแล้ว เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา BPP ยังได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เคเซนนุมะ (Kesennuma) ในญี่ปุ่น ขนาดกำลังผลิต 20 เมกะวัตต์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้ปัจจุบัน BPP มีกำลังผลิตตามไฟฟ้าสัดส่วนการลงทุนรวม 3,357 เมกะวัตต์เทียบเท่า โดยบริษัทฯ ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างเพื่อเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์อีก 2 แห่ง ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชิราคาวะ (Shirakawa) ในญี่ปุ่น กำลังผลิต 10 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมหวินเจา (Vinh Chau) ระยะที่ 1 ในเวียดนาม กำลังผลิต 30 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะ COD ในไตรมาส 1/2565

การลงทุนดังกล่าวตอกย้ำการเติบโตตามแผนกลยุทธ์ที่มุ่งลงทุนในสินทรัพย์ที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วเพื่อสร้างรายได้อย่างรวดเร็ว สะท้อนความมุ่งมั่นในการขยายกำลังผลิตไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ในสัดส่วนที่สมดุลระหว่างพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปและพลังงานหมุนเวียน เพื่อบรรลุเป้าหมาย 5,300 เมกะวัตต์ โดยมาจากพลังงานหมุนเวียน 800 เมกะวัตต์ ภายในปี 2568

ข้อมูลโรงไฟฟ้าและโครงการโรงไฟฟ้าของ BPP ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2564

	โรงไฟฟ้าและ โครงการโรงไฟฟ้า	โครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ รวมถึงโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมจ่ายไฟ	โครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา
จำนวน (แห่ง/โครงการ)	35	32	3
กำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุน (เมกะวัตต์)	3,357	3,261	96

# # #

เกี่ยวกับบ้านปู เพาเวอร์

บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกครอบคลุมประเทศไทย สปป.ลาว จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา ด้วยจุดยืนการเป็นผู้นำในธุรกิจพลังงานไฟฟ้าคุณภาพเพื่อโลกที่ยั่งยืน  (We ARE Power for the Sustainable World)  ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา บ้านปู เพาเวอร์มุ่งมั่นที่จะพัฒนาศักยภาพในการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อการผลิตไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่มีความปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตามกลยุทธ์ Greener & Smarter ด้วยเป้าหมายขยายกำลังผลิตให้ได้มากกว่า 5,300 เมกะวัตต์ ภายในปี 2568