By clicking “Accept All Cookies”, you agree to the storing of cookies on your device to enhance site navigation, analyze site usage, and assist in our marketing efforts.
Cookies Settings
บ้านปู เพาเวอร์เผยไตรมาส 3/2564 กระแสเงินสดแข็งแกร่ง ชูความสำเร็จต่อยอดระบบนิเวศกลุ่มบ้านปู เดินหน้าขยายพอร์ตธุรกิจไฟฟ้าอย่างสมดุลเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน

บ้านปู เพาเวอร์เผยไตรมาส 3/2564 กระแสเงินสดแข็งแกร่ง ชูความสำเร็จต่อยอดระบบนิเวศกลุ่มบ้านปู เดินหน้าขยายพอร์ตธุรกิจไฟฟ้าอย่างสมดุลเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน

บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP ผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าคุณภาพเพื่อโลกที่ยั่งยืน ด้วยสมดุลของพอร์ตธุรกิจจากทั้งพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป (Thermal Power Business) และพลังงานหมุนเวียน (Renewable Power Business) ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เผยผลงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากพลังร่วมและระบบนิเวศทางธุรกิจภายในกลุ่มบ้านปู (Banpu Ecosystem) ด้วยการลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I ในสหรัฐฯ ผนวกกับเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้านาโกโซ (Nakoso IGCC) ประเทศญี่ปุ่นในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ด้านผลประกอบการไตรมาส 3 ของปี 2564 มีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) 534 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 597 ล้านบาท รวมทั้งมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งพร้อมแสวงหาโอกาสการลงทุนเพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย 5,300 เมกะวัตต์ ภายในปี 2568 ซึ่งบริษัทฯ ให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี หรือ ESG การันตีได้จากการได้รับคัดเลือกเป็นหุ้นยั่งยืน Thailand Sustainability Investment (THSI) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 และรางวัล Rising Star Sustainability Awards จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “BPP ยังคงเดินหน้าสร้างความเติบโตอย่างต่อเนื่องและยังสามารถรักษาเสถียรภาพในการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าทุกแห่ง แม้เผชิญกับความท้าทายในการบริหารจัดการต้นทุนเชื้อเพลิงที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่บริษัทฯ ยังคงสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยโรงไฟฟ้าเอชพีซีใน สปป.ลาว มีการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเดินเครื่องให้สามารถดำเนินงานได้ต่อเนื่องและมั่นคง ส่วนโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีในไทยสามารถรักษาเสถียรภาพเดินเครื่องจ่ายไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่งมีค่าความพร้อมจ่าย (Equivalent Availability Factor: EAF) ในอัตราร้อยละ 75 และร้อยละ 99 ตามลําดับ ด้านโรงไฟฟ้านาโกโซ (Nakoso IGCC) ในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป และได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date: COD)  ไปในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา และบริษัทฯ เริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าดังกล่าวในไตรมาส 3 เป็นครั้งแรก ซึ่งช่วยเสริมให้กระแสเงินสดของบริษัทฯ แข็งแกร่งขึ้นได้เป็นอย่างดี ด้านโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่นและในจีนคงประสิทธิภาพการจ่ายไฟได้เป็นอย่างดีแม้สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย และล่าสุด บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I ในสหรัฐฯ ซึ่งบริษัทฯ จะสามารถรับรู้รายได้ทันทีในไตรมาส 4 นับเป็นผลสำเร็จจากการดำเนินงานต่อยอดระบบนิเวศทางธุรกิจภายในกลุ่มบ้านปู ซึ่งมีฐานธุรกิจผลิตพลังงานอย่างแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ (Barnett) ในรัฐเท็กซัส รวมถึงการลงทุนในครั้งนี้ยังเป็นการสะท้อนถึงการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพสอดคล้องกับกลยุทธ์ Greener & Smarter”

โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I ตั้งอยู่ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา เป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยี Combined Cycle Gas turbine หรือ CCGT มีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการลงทุนของ BPP 384 เมกะวัตต์ ซึ่งเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date: COD) เรียบร้อยแล้วและสามารถสร้างกระแสเงินสดได้ทันที โดยโรงไฟฟ้าแห่งนี้สามารถผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าเพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าในพื้นที่ตอนกลางของรัฐเท็กซัส ครอบคลุมกว่า 750,000 ครัวเรือน นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการดำเนินตามแผนกลยุทธ์เพื่อก้าวสู่ตลาดซื้อขายไฟฟ้าที่มีความก้าวหน้าและเป็นตลาดซื้อขายไฟฟ้าที่เปิดเสรี สะท้อนการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการผนวกกำลังภายในกลุ่มบ้านปูผ่านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และทรัพยากรที่มีเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการลงทุนและเสริมสร้างการเติบโต

ด้านโรงไฟฟ้าซานซีลู่กวง (Shanxi Lu Guang: SLG) ในจีน กำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุน 396 เมกะวัตต์ ได้เริ่มเดินเครื่องเพื่อผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้กับสายส่งหลักของจีนแล้ว และกำลังเตรียมพร้อมรอการจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ ขณะเดียวกัน โครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 3 แห่ง มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น 2 โครงการ ได้แก่ เคเซนนุมะ (Kesennuma) กำลังผลิต 20 เมกะวัตต์ และชิราคาวะ (Shirakawa) กำลังผลิต 10 เมกะวัตต์ คาดว่าจะ COD ในไตรมาส 4/2564 และไตรมาส 1/2565 ตามลำดับ ด้านโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมหวินเจา (Vinh Chau) ระยะที่ 1 ในเวียดนาม กำลังผลิต 30 เมกะวัตต์ คาดว่าจะ COD ในไตรมาส 1/2565

“BPP ยังคงเดินหน้ามองหาโอกาสการลงทุนที่เหมาะสมตามกลยุทธ์ Greener & Smarter เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและชาญฉลาดยิ่งขึ้น โดยให้ความสำคัญต่อการลงทุนในสินทรัพย์ที่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้ทันที ในขณะเดียวกันยังมุ่งแสวงหาโอกาสขยายการเติบโตของกำลังผลิตไฟฟ้าในสัดส่วนที่สมดุลระหว่างพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปและพลังงานหมุนเวียนในประเทศที่มีศักยภาพ รวมไปถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการผนึกกำลังหรือ Synergy ระหว่างกลุ่มบ้านปู ไปพร้อมกับการยึดมั่นในหลักความยั่งยืน หรือ ESG เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกประเทศที่เราเข้าไปดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมแก่ผู้มีส่วนได้เสียอย่างยั่งยืนต่อไป” นายกิรณ กล่าวปิดท้าย

ข้อมูลโรงไฟฟ้าและโครงการโรงไฟฟ้าของ BPP ณ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564

โรงไฟฟ้าและ โครงการโรงไฟฟ้า โครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ รวมถึงโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมจ่ายไฟ โครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา
จำนวน (แห่ง/โครงการ)
34 30 4
กำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุน (เมกะวัตต์)
3,330 3,225 106

# # #

เกี่ยวกับบ้านปู เพาเวอร์

บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกครอบคลุมประเทศไทย สปป.ลาว จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา ด้วยจุดยืนการเป็นผู้นำในธุรกิจพลังงานไฟฟ้าคุณภาพเพื่อโลกที่ยั่งยืน  (We ARE Power for the Sustainable World)  ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา บ้านปู เพาเวอร์มุ่งมั่นที่จะพัฒนาศักยภาพในการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อการผลิตไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่มีความปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตามกลยุทธ์ Greener & Smarter ด้วยเป้าหมายขยายกำลังผลิตให้ได้มากกว่า 5,300 เมกะวัตต์ ภายในปี 2568

© 2024 Banpu Power Public Company Limited | บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน). All rights reserved.